ถ้าอยากเป็นเสือ
ถ้าอยากเป็นเสือ …อย่าตกหลุมรักเหยื่อ เดี๋ยวจะเป็น “หมา”
“ตกหลุมรัก” คำนี้ก็บอกความหมายในตัวเองได้อย่างชัดเจนโยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติบ การที่เราต้องตกเนี่ยมันก็มีโอกาสเพิ่มความเจ็บได้อยู่แล้ว และยิ่งคำว่ารักนั้นก็เป็นอาการมีความสุขที่เขาบอกว่าสุขแบบไร้สติเหมือนกับการเสพยาอีกด้วย แบบนี้การตกหลุมรักมันจะมีข้อดีอะไรเหลืออีกนะ ถึงทำให้คนเราเลือกที่ตกหลุมรักกันและกัน และการที่จะตั้งตนเป็นคนด้านชากับความรักจะสามารถเป็นภูมิคุ้มกันให้กับหัวใจได้จริงหรือไม่
ลองมาฟังเรื่องราวของเธอคนนี้กัน เธอชื่อ “อาหยวน” เป็นเด็กสาวหน้าตาสวยแบบคนจีน ตาชั้นเดียวพร้อมกับใบหน้าขาวสว่าง แต่มีพวงแก้มสีชมพูระเรื่อดูแล้วช่างเป็นคนน่ารัก แต่ด้วยเธอนั้นอยู่ในครอบครัวที่มีแม่เพียงคนเดียวเพราะพ่อของเธอทิ้งไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก สาเหตุที่ทิ้งไปก็เพราะแม่ของเธอนั้นเป็น “เมียเก็บ” ของพ่อโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเมียใหญ่รู้เธอก็ไม่ยอมให้พ่อได้มาช่วยเหลือเจือจุนและให้ตัดขาดครอบครัวของอาหยวนมาโดยตลอด ส่วนแม่ก็โกรธพ่อมากที่หลอกเธอและไม่ได้สนใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือใด ๆ หรือไม่ นั่นทำให้อาหยวนได้ซึมซับความเป็นผู้หญิงแกร่งจากผู้เป็นแม่มาตั้งแต่เด็ก
และตั้งมั่นในใจมาตลอดว่าชาตินี้เธอก็จะไม่ยอมตกเป็นรองพวกผู้ชาย และที่สำคัญสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือ “การแต่งงาน” เพราะหากแต่งงานแล้วเธอต้องอยู่ใต้อำนาจของพวกผู้ชายแล้วล่ะก็เธอก็ขอไม่แต่งงานอยู่เป็นสาวโสดขึ้นคานเสียดีกว่า อาหยวนเธอยึดมั่นแนวคิดนี้มาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโตจนกระทั่งอายุได้ 18 ปี เรียนชั้น ม.6 เธอก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าห้องอย่างเช่นเคยแต่พ่วงมาด้วยอีกหน้าที่หนึ่งคือต้องคอยดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งชื่อว่า “อลัน” เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่ถึงแม้จะมีเชื้อไทยผสมแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสื่อสารภาษาไทยได้เลย
การมาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เขามาเพราะตั้งใจมาเรียนรู้วิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมของคนไทย ซึ่งเขาก็มีแม้เป็นคนไทยแต่ไม่เคยเห็นหน้าเธอเลยเนื่องจากเธอนั้นเสียชีวิตตอนเขายังเล็กมาก ๆ นั่นทำให้เขาอยากรู้จักคนไทยให้มากขึ้นมาโดยตลอด ตอนนั้นอลันไม่สามารถพูดไทยได้เลยทำให้ระหว่างอาหยวนและอลันก็ต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเป็นหลัก และอาหยวนก็สัญญากับอลันว่าก่อนเขาจะกลับอังกฤษอย่างไรเธอก็จะทำให้เขาสามารถพูดไทยให้ได้ และก็ทำอาหารไทยเป็นอีกด้วย ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นอลันก็ดีใจมาก ๆ ยิ้มกว้างให้กับเธอ แน่นอนว่านักเรียนแลกเปลี่ยนหน้าตาดีอย่างเขาก็ย่อมตกเป็นเป้าสายตาของสาว ๆ
ในโรงเรียนอยู่ตลอด และทุกคนก็พลอยจะอิจฉาอาหยวนอยู่เสมอที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ทั้ง ๆ ที่เธอนั้นไม่ได้คิดอะไรกับอลันแม้แต่น้อย แม้ว่าอาหยวนจะเป็นนักเรียนดีเด่น เรียนเก่ง กิจกรรมเลิศมาโดยตลอดแต่เธอเองก็มีคู่ปรับที่คอยแข่งขันประชันฝีมือกับเธอเสมออย่าง “เชน” เด็กหนุ่มประธานนักเรียนที่มักจะหาเรื่องมาเย้ยเธอได้ตลอดตั้งแต่เรียน ม.1 เพราะเขามองว่าการที่ได้แข่งขันกับเธอนั้นเป็นเรื่องสนุกดี แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงแล้วการที่เขาพยายามเป็นคู่แข่งกับเธอมาโดยตลอดนั้นแท้จริงแล้วเขาพยายามหาเรื่องมาพูดคุยกับเธอต่างหากเพราะเขารู้ดีว่าหากจะจีบเธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ
ต้องไม่สำเร็จแน่ เขาจึงต้องพยายามหาเรื่องมาแข่งกับเธอได้ตลอด แต่ไม่ว่าจะแข่งอะไรกันทั้งคู่ก็มักจะเสมอกันตลอด จนเมื่อเชนเห็นว่าตอนนี้อาหยวนกับอลันนั้นตัวติดกันตลอด การที่เธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนี้ทำให้เขาหัวเสียทุกครั้งที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันจึงอยากจะขัดขวางด้วยการประชดเธอและท้าทายไปในเวลาเดียวกันด้วยการท้าเธอให้แกล้งจีบอลันโดยที่ห้ามตกหลุมรักเขาเด็ดขาด แผนการนี้เชนคิดมาหลายวันเพราะเขาคิดว่ามันเป็นทางเดียวที่จะห้ามไม่ให้เธอชอบเขาได้โดยที่เธอไม่ได้สงสัยอะไรคือถ้าจะห้ามให้เธอชอบเขาไปเลย มันก็ฟังดูหึงหวงไปสักหน่อย หรือจะให้เธอจีบเขา
เชนก็กลัวว่าเธอจะตกหลุมรักเขาเข้าให้นี่สิ การทำแบบนี้น่าจะฟังดูเข้าท่ามากที่สุดแล้ว อาหยวนฟังตอนแรกก็บอกว่าไม่เอาด้วยหรอก เธอไม่อยากล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น แต่เชนก็ยียวนจนเธอตบปากรับคำเข้า และด้วยนิสัยใจคอไม่ยอมใครของเธอก็ทำให้เธอจำยอมต้องเดินตามเกมของเขาแบบเลือกไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นอาหยวนก็พยายามหยอดคำหวานให้กับอลันมาโดยตลอด และดูเหมือนว่าอลันก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกทั้งยังยิ้มและหัวเราะไปกับเธอเสมอ เขาเป็นผู้ชายที่เข้าใจผู้หญิงอย่างดี อลันคอยปลอบใจและเป็นคนคอยเช็ดน้ำตาให้กับอาหยวนมาโดยตลอด โดยที่การกระทำของทั้งคู่ก็ทำให้เชนแอบหวั่นใจไม่น้อย
เขาจึงเข้าไปแอบพูดกับอลันว่าแท้จริงแล้วการที่อาหยวนเข้าไปจีบอลันเป็นเพราะพวกเขาท้ากันเอาไว้ก่อนแล้วและเธอไม่ได้คิดอะไรกับอลัน แต่อลันก็ยิ้มรับและบอกว่าเขาเองนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอตั้งใจจะทำแบบนั้นเพราะมันดูไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย ได้ฟังแบบนั้นเชนก็โล่งใจและถามเขาไปว่า “แบบนั้นแสดงว่า นายไม่ได้คิดอะไรกับเธอสินะ” “แต่เธอน่ะไม่รู้นะว่าคิดยังไง” ได้ฟังแบบนั้นเชนก็ตกใจมาก ที่อลันพูดนั้นหมายความว่า อาหยวนชอบอลันเข้าให้แล้วหรอ และนั่นก็ป็นความจริงเพราะตอนนี้แม่เสือสาวของเราได้ตกหลุมรักเหยื่อเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่อลันจะกลับอังกฤษอาหยวนก็เลือกที่จะมอบจูบแรกของเธอให้กับเขา
แต่อลันก็รู้ทันเลยเลือกที่จะยื่นแก้มให้เธอจูบแทน เธอตั้งใจเขียนจดหมายสารภาพว่าเธอได้ตกหลุมรักเหยื่ออย่างเขาเข้าให้แล้ว แต่เธอก็แปลกใจมากเมื่อรู้ว่าเขาเองก็เขียนจดหมายถึงเธอ และทั้งคู่ก็สัญญาว่าจะเปิดมันเมื่ออลันขึ้นเครื่องไปแล้ว เมื่อเปิดจดหมายออก อาหยวนก็เขียนบอกอลันว่าขอโทษที่เธอล้อเล่นกับความรู้สึกของเขานะ เธอแค่ต้องการเอาชนะเชนเท่านั้น และเธอก็รักอลันมาก รักเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ขอให้อลันกลับมาหาเธอบ่อย ๆ แล้วเธอจะพาเขาไปเที่ยวเองเพราะเธอคงไม่มีเงินมากพอจะบินไปลอนดอน ส่วนอลันก็เขียนมาหาเธอว่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งและเขาก็รู้ว่าเธอนั้นไม่ได้ตั้งใจทำลายความรู้สึกของใคร ขอให้เธอจงอย่าปิดกั้นเสียงจากหัวใจของตนเองล่ะ นั่นทำให้อาหยวนและอลันหลังจากเปิดจดหมายก็ยิ้มไม่หุบเพราะทั้งคู่ต่างรู้ใจกันและกัน อลันรู้ว่าแท้จริงแล้วอาหยวนชอบเชนมาโดยตลอด และอาหยวนก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเข้าไปหาเชน ซึ่งเขาตอนนี้ก็แอบเศร้าอยู่ในใจเพราะกลัวเธอจะมีใจให้อลันแล้วจริง ๆ
ส่วนเขาก็ไม่รู้จะบอกความในใจกับเธอยังไงดี พอเห็นอาหยวนเข้าเขาก็ทำอะไรไม่ถูก “เชน นายว่าฉันชนะเกมของนายหรือยัง” อาหยวนถาม “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า…เธอชอบเขาหรือเปล่า แต่ดูเหมือนฉันจะรู้คำตอบอยู่แล้ว” เชนพูดพลางมองไปทางอื่น “ฉันว่านายยังไม่รู้หรอกตาบื้อ” เธอยิ้มเพราะเห็นเขาทำหน้าละห้อยเสียใจ คงเข้าใจว่าเธอชอบอลันไปเสียแล้ว “เกมนี้ฉันชนะนะ” ได้ฟังแบบนั้นเขาก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “แต่ถ้าฉันต้องเล่นเกมนี้กับนาย ฉันว่าฉันคงแพ้ราบคาบ” เชนดีใจมากที่เธอพูดแบบนั้นเพราะมันหมายความว่าเธอเองก็มีใจให้เขา เชนทำตัวไม่ถูกได้แต่เข้าไปกอดเธอไว้แน่นและพูดกับเธอว่า “นึกว่าเธอจะไม่รู้เสียแล้ว ยัยตาตี่”