โรงเรียนวัดหนองตาหลวง

หมู่ที่ 3 บ้านหนองตาหลวง ตำบล หินกอง อำเภอ เมืองราชบุรี จังหวัด ราชบุรี 70000

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

032 206336

ของหายอยากได้คืน…ข้ออ้างของคนหวงก้าง

ของหายอยากได้คืน…ข้ออ้างของคนหวงก้าง

ของหายอยากได้คืน...ข้ออ้างของคนหวงก้าง

ของหายอยากได้คืน…ข้ออ้างของคนหวงก้าง จะว่าไปชีวิตของมนุษย์เรายิ่งกว่าละครที่ใครเขียนกัน  บางชีวิตอาจจะจบสวยแบบ  Happy  Ending  แต่บางคนอาจจะไม่ได้ลงเอยที่ความสวยงามแม้กระทั่งความรักที่มนุษย์ต่างอยากได้มันมา   มันก็มีไม่น้อยที่ความรักอาจเป็นสิ่งที่สวยงาม  แต่ในอีกกลุ่มหนึ่ง  ความรักคือสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิต  เพราะสามารถทำให้ใครหลายคนเปลี่ยนไปเป็นทั้งคนดีและคนเลวในขณะเดียวกัน  หากจะมีความรักสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือดำรงชีวิตอย่างมีสติ  เพื่อไม่ให้อำนาจมืดจากความต้องการของตนเองครอบงำจิตใจของเราได้

ก่อนที่จะเริ่มต้นเขียนบทความเรื่องนี้ขึ้นมา ผู้เขียนเองได้ฟังเพลงของคุณเต้น นรารักษ์ ที่ร้องเพลง “ของหายอยากได้คืน” ต้องขอบคุณคุณเต้นจริง ๆ ที่ถ่ายทอดออกมาได้ตรงความรู้สึกของใครหลายคน  เพราะในสังคมเราเจอคนหลายรูปแบบ  ที่เรียกง่ายๆ  ก็คือร้อยพ่อพันแม่นี่แหล่ะเอาง่ายๆ  มีทั้งดีและเลว  หรือบางคนอาจจะเป็นสีเทาไปเลยก็มี  ในมุมมองความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากๆ  ทำให้ใครหลายคนดูจะฉลาดกลายเป็นคนที่โง่ไปเลย  หรือบางคนอาจจะโดนครอบงำจนไตร่ตรองไม่เป็น  ดังที่สุภาษิตเรียกว่าความรักทำให้คนตาบอด  เมื่อฟังเพลงนี้ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าชีวิตคนจะเหมือนกับละครขนาดนี้เหรอ

 

จนเพลง ๆ นั้นได้ไปตรงกับประสบการณ์ของคน ๆ หนึ่ง ซึ่งความรักของเขาเหมือนจะไปได้สวย หากไม่มีบุคคลหนึ่งเข้ามามีท่าทีหึงหวง คอยรังควาน ตอแยไม่รู้จบ สังเกตได้ว่าเดือดร้อนเหมือนฟืนเหมือนไฟ คน ๆ นั้นจะ Drama ใน Social Media ออกหน้าชัดเจน ทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับคนนั้นอีกแล้ว และอีกฝ่ายกำลังจะ Move On กับอีกคน ผู้เขียนเองก็เห็นใจไม่น้อย ที่ต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ขึ้น จากฝีมือใครก็ไม่รู้ที่มาวุ่นวาย มันจะเกือบดีอยู่แล้วเชียว จนได้บทเรียนซึ่งเป็นผลสรุปในภายหลังว่า ชีวิตจริงของมนุษย์…ยิ่งกว่าละครเสียอีก

 

อะไรจะขนาดนั้น  เพราะคนบนฟ้าลิขิตความรักหรือ  หรือเพราะโชคชะตาเล่นตลกหรือนี่?

จริงๆ  แล้วมันก็ไม่ใช่หรอก  คนที่เขียนเรื่องราวนั้นก็คือตัวเองนั่นแหล่ะ  เราเป็นคนเขียนความรัก  ซึ่งเราเองจะเขียนให้ดีหรือไม่ดีก็ได้  ทั้งนี้มันวัดที่บุคคลล้วนๆ

จะว่าไปก็น่าตกใจไม่น้อย  ในมุมผู้เขียนเองมองว่านั่นไม่ใช่ความรักหรอก  แต่เป็นความต้องการที่จะใคร่มากกว่า  ความรักที่ดูจะเป็นสิ่งที่สวยงาม  แต่กลายเป็นเครื่องมือในการทำร้ายใครเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย  แม้ว่าในมิวสิควีดีโอจะไม่ได้ระบุโดยตรงของการใช้โซเชียลมีเดียก็ตาม  แต่มันสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ชัดเจนมากว่าจริงๆ  แล้ว  คนเราต้องการเป็นที่รัก  ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  แต่การแสวงหา  การครอบครองนั้นคล้ายๆ  กันกับการติดกระดุมผิดเม็ดแรก  ทำให้เดินทางผิดจนไปทำร้ายใครเพียงเพราะความสะใจส่วนตัว

 

บทเรียนจากการฟังเพลงของคุณเต้นนั้น  ขึ้นชื่อว่าความรักนั้น ต้องการเพียงแค่ความรักความเชื่อใจที่มีต่อกันและกัน โดยไม่มีอะไร หรือใครเข้ามาสั่นคลอน แน่นอนว่า…คุณจงใจทำแบบนั้น คุณยังหวังว่าอยากให้เขากลับมาหาคุณ อยากให้คุณกลับมาเหมือนเดิม กลับมาสนใจเหมือนวันก่อน แต่คุณต้องพึงสังวรไว้ว่า คุณไม่มีทางได้เขาคืนมา ต่อให้คุณมาก่อนคนของเขา แต่คุณก็ไม่ได้แม้กระทั่งหัวใจเขา มันเป็นอดีตไปแล้ว มันควรจบแล้วเริ่มต้นใหม่เสีย ไม่ใช่มาระราน นอกจากเขาอาจมองด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิมในวันวานแล้ว คุณก็ได้ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาเขาเช่นกัน ต่อให้คุณทำให้เขาแตกหักได้สำเร็จ ความน่าชื่นชมจะไม่มีอีกเลย

 

เราไม่รู้หรอกว่าในอดีตที่ผ่านมาเขาหรือเราจะเป็นยังไง ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมา จะดีหรือร้าย ก็ไม่มีใครอยากพูดถึงอดีตหรอก…จริงไหม? บางทีก็น่าเห็นใจนะ ที่ใจยังนึกถึงเขาอยู่ แต่มันเห็นใจไม่ลงเท่าใดนัก เพราะยังไงเสีย ทำกรรมอะไรไว้ มันย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณอาจจะมีความสุขที่ทำให้สองคนระแวงต่อกัน อย่าลืมว่า คุณอาจจะสบายใจที่ทำเช่นนั้น แต่ “สวรรค์อยู่ในอก…นรกอยู่ในใจ” มันก็เป็นตราบาปที่ประทับคุณไปตลอดเหมือนเงาตามตัว

 

สิ่งที่คุณทำมานั้น…อยากให้มีความละอายสักนิด ยิ่งรังควานชีวิตคนอื่นมากเท่าไหร่ คุณก็ไม่ต่างอะไรจากคนน่ารำคาญคนหนึ่ง ที่แม้แต่คุณค่าในตัวคุณเอง ยังไม่หันมามอง และนับประสาอะไรจะให้เขาเห็นค่ากับคนที่จบไปนานแล้ว ยิ่งออกตัวแรงทำสิ่งใดให้สั่นคลอนแค่ไหน สิ่งที่คุณกระทำก็ฟ้องตัวคุณเองทั้งสิ้น หรือบางคนอาจจะทำตัวเหมือนคนดัง มีคนติดตามมากมาย หากทำตัวเหมือน “ของหายอยากได้คืน” อยากมีซีนเพื่อให้เขากลับมาสนใจ  หรือบางคนใช้ Social Media เพื่อเล่นงานอีกคนอย่างคนขาดสติ ยอดไลค์ในโซเชียลมันไม่ได้บอกว่าคุณดูดีเลย แต่สิ่งที่คุณทำมันไม่มีความหมาย ไม่มีแม้แต่ที่ใครก็ตามจะเอาคุณเป็นแบบอย่างที่ดี ทุกอย่างมันส่อถึงอุปนิสัยทุกอย่างจนหมดแล้ว

 

ซึ่งข้อนี้ควรเตือนตัวเองตลอดเวลาในการตั้งตนในความไม่ประมาท  อย่าให้ความรักของเราทำร้ายใคร  รักคือการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน  เข้าอกเข้าใจกัน  จับมือไปด้วยกัน  แต่การนำความรักเป็นข้ออ้างในการไม่สนผิดชอบชั่วดี  นั่นไม่ใช่ความรัก  ความรักไม่ผิดหรอก  แต่มันผิดที่คนนำไปใช้เสียมากกว่า

 

จะว่าไป เพลง “ของหายอยากได้คืน” ก็สอนให้ทุกคนมีสติ รอบคอบในการดำเนินชีวิตมากพอสมควร เวลาจะทำอะไรก็ตาม คงไม่พ้นคำว่า “คิดก่อนทำ” ถ้าหากเรื่องที่ผ่านมาเริ่มต้นที่อารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างก็จะพังจนไม่มีชิ้นดีโดยปริยาย ชีวิตคนก็คล้าย ๆ Music Video เพลงนั้น ๆ แต่เราสามารถขีดบทตัวเองได้ด้วยหัวใจของเรา เพียงแค่ปล่อยวาง นึกถึงคนที่อยู่ข้าง ๆ เราในวันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตจะดีกว่า เพราะความสุขมันสามารถสร้างได้ด้วยมือเรา โดยไม่จำเป็นต้องมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเลย…จริงไหม?

 

อัพเดทล่าสุด